ไม่มีใครล้างรถเช่า แนวคิดเรื่องความผูกพันธ์ และความรู้สึกเป็นเจ้าของ
แปลโดย เม่าน้อย
สนใจต้นฉบับภาษาอังกฤษหาอ่านได้ ที่นี่
ไม่มีใครล้างรถเช่า
ผมได้ใช้ประโยคนี้มานานหลายปีแล้ว
มันเป็นประโยคที่ดูดีและแสดงให้เห็นถึงโอกาสที่มีความสำคัญอย่างมากในการเพิ่มความผูกพันธ์ของพนักงานกับองค์กร
, การพัฒนาโครงสร้างองค์กร , การพัฒนาประสิทธิภาพ
และส่งผลตอ่การพัฒนาองค์กรในด้านต่างๆอีกหลายด้าน
มันเป็นประโยคที่ยอดเยี่ยมจริงๆและผมได้ใช้ประโยคนี้หลายครั้งในเป็นชื่อสำหรับงานนำเสนอ แต่บ้างครั้งมันก็ยังก่อให้เกิดความสับสนสำหรับบางคน
จริงแล้วมันเป็นเพียงคำเปรียบเทียบ! ไม่ใช่เรื่องที่ได้รับการยอมรับโดยทั่วไปหรือกฎเกณฑ์บางอย่างของชีวิต และ มันเป็นเรื่องตลกที่ครั้งหนึ่งผมได้พบว่ามีคนยกมือขึ้นในการสัมมนาเพื่ออธิบายว่าพวกเขาเคยล้างรถที่เช่ามา ในขณะนั้นพวกเขายอมรับว่าเป็นความรับผิดชอบของพวกเขาที่จะต้องทำมัน พวกเขาแสดงให้เห็นถึงประเด็นที่ผมได้มองเห็น ...
ประเด็นหนึ่งคือการเป็นเจ้าของ - คนจะไม่ดูแลสิ่งที่พวกเขาไม่ได้เป็นเจ้าของ ผมสามารถอธิบายเรื่องนี้ได้บ่อยๆโดยถามผู้เข้าร่วมว่าพวกเขาเคยให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ของตัวเองเช่น บ้านหรือรถหรือไม่ บางส่วนของผู้เช่าจะดูแลบ้านเช่าเป็นพิเศษและดูแลให้เรียบร้อยดีกว่าก่อนที่จะเช่า แต่ส่วนมากที่พบจากประสบการณ์ของผม ผู้เช่าบ้านบางราย เกือบเผาบ้าน , ทำลายพื้นไม้, เจาะรูในผนังและทิ้งรอยตะปูมากมายเกือบทุกส่วนของผนัง สวนกุหลาบและต้นไม้คามิลล่า ถูกทำลาย (โดยน้ำมันเครื่องถูกทิ้งไว้รอบ ๆ อย่างเห็นได้ชัด) และกลายเป็นที่จอดรถ
การเป็นเจ้าของ – หากคุณเป็นเจ้าของอะไรบางอย่างคุณมักจะที่จะดูแลมันอย่างดี
นั่นคือทั้งหมดที่ผมหมายถึง ผมขออธิบายแบบนี้ครับ
ถ้ามีคนในที่ทำงานมาพร้อมกับความคิดและนำเสนอไปยังผู้จัดการและผู้จัดการให้พวกเขาลองมันพวกเขามักเต็มใจทำ ใช่มั้ยครับ? แต่ถ้าเจ้านายออกมาและพูดว่า "ตอนนี้เราจะทำแบบนี้" การตอบสนองโดยทั่วไปจะเป็นเรื่องที่คนจะต่อต้านการเปลี่ยนแปลงและสร้างเหตุผลว่าทำไมมันถึงไม่เวิร์ค ใช่มั้ยครับ?
ตามสถิติแล้วผู้บริหารส่วนใหญ่เชื่อว่าส่วนที่ยากที่สุดของโครงการริเริ่มการปรับปรุงองค์กรคือความต้านทานต่อพนักงาน
ใครเป็นเจ้าของไอเดียนี้? มันไม่ใช่ไอเดียของพนักงานใช่ไหม? ดังนั้นทำไมพวกเขาไม่ต่อต้านไอเดียนี้ล่ะ? หลังจากนั้น ทุกคนต้องเปลี่ยนแปลง , เรียนรู้ที่จะทำอะไรบางอย่างที่แตกต่างไปจากที่เคยทำมา , มีความเสี่ยงที่จะเกิดความล้มเหลวและอาจจะทำให้ผลผลิตลดลงในระยะสั้น , ทั้งหมดที่เกิดขึ้นมีอะไรที่ดีกับพวกเขาบ้าง ?
บางบริบทของการทำงานแสดงตามภาพ
ผู้นำจะต่อต้านการเปลี่ยนแปลงที่รู้สึกว่าส่งผลถึงพวกเขา
ในการให้คำปรึกษาโครงการในอดีต ไอเดียที่ผมช่วยพนักงานนำไปใช้มักถูกต่อต้านโดยผู้จัดการซึ่งรู้สึกว่าสิ่งต่างๆไม่อยู่ภายใต้การควบคุมหรือเคลื่อนไหวเร็วเกินไป เรื่องทำนองนี้นี้เกิดขึ้นน้อยลงและน้อยซึ่งทำให้ประสบการณ์ของผมดีขึ้นและผมสามารถสร้างให้เกิดการมีส่วนร่วมของพวกเขาเพื่อที่จะสร้างสมดุลของแรงต้านทางจากทั้งสองด้านระหว่างพนักงานและผู้จัดการ
มีหลายวิธีที่เราสามารถทำสิ่งต่าง ๆ เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมและให้ผู้คนเป็นส่วนหนึ่งในโครงการ
ริเริ่มการปรับปรุงที่เราต้องการ แต่การผลักดันและการดึงไม่ใช่กลยุทธ์ที่ดีที่สุด
การนั่งพูดคุยการอธิบายและการสอบถามมักเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเพื่อให้องค์กรได้เดินหน้าต่อไป ...