ผมเชื่อเหลือเกินว่าเทรดเดอร์และนักลงทุนไม่ว่าจะเป็นหน้าเก่า หน้าใหม่คงต้องเคยเห็นเจ้ากราฟแท่งเทียนนี้ผ่านตากันมาแล้วแน่นอน แต่ทุกคนเคยทราบมั้ยครับว่าจริงๆแล้วกราฟแท่งเทียนมันมีต้นกำเนิดยังไงและ จะมีวิธีการใช้งานอย่างไร ??
.
เราอ่านกราฟแท่งเทียนไปทำไม?
วัตถุประสงค์ในการอ่านกราฟแท่งเทียน คือ การอ่าน “อารมณ์” ของผู้ที่เข้ามาซื้อขายในตลาด ดังนั้นเวลาที่อ่านกราฟแท่งเทียนเราควรตอบคำถามเบื้องต้นไห้ได้ว่า ระหว่างฝั่งซื้อกับฝั่งขายฝั่งไหนมีแรงมากกว่า เมื่อเราอ่านอารมณ์ของตลาดออกแล้ว เราก็จะสามารถใช้กราฟเป็น 1ในเครื่องมือในการเลือกตัดสินใจได้ว่าจะทำอย่างไร เพื่อให้ได้โอกาสในการได้กำไรจากการเทรด
#ประวัติของกราฟแท่งเทียน Candlestick
เป็นที่รู้กันดีว่ากราฟแท่งเทียนหรือ Candlestick Chart นั้นมีประวัติของมันมาอย่างยาวนาน มันถูกคิดค้นขึ้นโดยนักเก็งกำไรข้าวชาวญี่ปุ่นที่ชื่อว่า Honma Munehisa หรือในอีกชื่อหนึ่งว่า Sokyu Honma ในช่วงราวๆศตวรรษที่ 17 โดยภายหลังจากที่เขาได้ทำการคิดค้นการวิเคราะห์พฤติกรรมของราคาข้าวด้วยกราฟแท่งเทียนขึ้นมานั้นมันก็ได้ช่วยให้เขากลายเป็นอภิมหาเศรษฐีในยุคของเขาในเวลาไม่นานนัก ประมาณการกันว่าทรัพย์สมบัติของเขานั้นหากนำมาตีเป็นมูลค่าของเงินในปัจจุบันนั้นเทียบได้ถึงราวๆ 100 Billion US Dollar เลยทีเดียว
แนวคิดของท่าน Honma ประกอบไปด้วยหลักคิดอยู่ 3 ประการ ดังนี้
- ราคาของข้าวมีความสำคัญมากกว่าข่าวสาร หรือผลประกอบการ ซึ่งเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับการวิเคราะห์ด้วยปัจจัยพื้นฐานอย่างสิ้นเชิง
- ผู้ที่ทำการซื้อขายข้าว ตัดสินใจกันด้วยอารมณ์ล้วนๆ ซึ่งมีทั้ง ความดีใจ เสียใจ กลัว และความคาดหวัง โดยปราศจากซึ่งการตัดสินใจด้วยเหตุผล
- ราคาที่ซื้อขายกันในตลาด ไม่ใช่ราคาที่เหมาะสม แต่เป็นเพียงราคาที่ผู้ซื้อขายมีความพึงพอใจร่วมกันเท่านั้น
จากหลักคิดของท่าน Honma ทั้ง 3 ประการ จะเห็นได้ว่าเป็นไปตามแนวทางของการวิเคราะห์ทางเทคนิคทุกประการ คือ ให้ความสำคัญกับราคาซื้อขาย ณ ขณะนั้นมากกว่า ข้อมูลข่าวสารหรือการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน จึงอาจกล่าวได้ว่า ท่าน Honma คือ บิดาของการวิเคราะห์ตามแนวทางเทคนิคของฝั่งเอเชียเลยก็ว่าได้
.
#กราฟแท่งเทียน Candlestick คืออะไร?
Candlestick หรือ กราฟแท่งเทียน คือ กราฟชนิดหนึ่งที่ใช้เพื่อดูความเคลื่อนไหวของราคาหลักทรัพย์ กราฟแท่งเทียนเป็นที่นิยมอย่างมากสำหรับการวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical analysis) เพราะมันสามารถบอกรายละเอียดของข้อมูลราคาได้มากกว่ากราฟแบบ Line chart
หนึ่งแท่งเทียนประกอบไปด้วยข้อมูล 4 อย่างคือ ราคาเปิด ราคาปิด ราคาสูงสุด และ ราคาต่ำสุดในช่วงเวลาที่กำหนด (แท่งเทียนในรูปด้านบนมีระยะเวลาเท่ากับ 1 วัน) เราเรียกช่วงลำตัวของแท่งเทียน (ส่วนสีเขียวและสีแดง) ว่า “Real body” มันคือส่วนต่างของราคาเปิดและราคาปิด แท่งเทียนเป็นสีเขียวแสดงให้เห็นว่าราคาปิดสูงกว่าราคาเปิด (Bullish Candle) และในทางกลับกัน แท่งเทียนที่เป็นสีแดงแสดงให้เห็นว่าราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิด (Bearish Candle) ในบางประเทศอาจใช้แท่งเทียนสีขาวดำแทนสีเขียวแดงเลย หรือหรืออาจใช้สีฟ้าแทนสีเขียวก็ได้
.
หลังจากที่เพื่อนๆได้อ่านบทความข้างต้นจบแล้ว ก็อาจจะมีคำถามเกิดขึ้นในใจว่า มีความจำเป็นอย่างไร ทำไมจึงต้องใช้การวิเคราะห์แบบกราฟแท่งเทียน Candlesticks ในการซื้อขายกับตลาด forex,หุ้น รวมถงทองคำ ผมได้สรุปเหตุผลที่สำคัญ ที่ไม่ควรมองข้าม Candlesticks ได้ดังนี้
หลังจากที่เพื่อนๆได้อ่านบทความข้างต้นจบแล้ว ก็อาจจะมีคำถามเกิดขึ้นในใจว่า มีความจำเป็นอย่างไร ทำไมจึงต้องใช้การวิเคราะห์แบบกราฟแท่งเทียน Candlesticks ในการซื้อขายกับตลาด forex,หุ้น รวมถงทองคำ ผมได้สรุปเหตุผลที่สำคัญ ที่ไม่ควรมองข้าม Candlesticks ได้ดังนี้
1. รูปร่างของแท่งเทียน 1 แท่ง สามารถสรุปได้คร่าวๆว่าฝั่งซื้อหรือฝั่งขายเป็นฝ่ายชนะ โดยการเปรียบเทียบราคาเปิดและปิด
2. ใช้ปริมาณการซื้อขายเป็นตัวช่วยในการพิจารณาแท่งเทียน เนื่องจากปริมาณซื้อขายที่มากแสดงถึงการเข้ามามีส่วนร่วมในการซื้อขาย ถ้าปริมาณการซื้อขายน้อยให้ตั้งข้อสงสัยไว้ก่อนว่าอารมณ์หรือทิศทางของราคานั้นๆ อาจจะอยู่ได้ไม่นานเพราะมีคนเข้ามามีส่วนร่วมในการซื้อขายน้อย
3. การเปรียบเทียบระหว่างแท่งเทียน โดยเปรียบเทียบแท่งเทียนในปัจจุบันเดี่ยวๆ หรือเปรียบเทียบกับแท่งเทียนก่อนหน้า ว่าอารมณ์ของตลาดมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่
4. ใช้ confirm แนวโน้มขาขึ้นหรือขาลงของสินค้า โดยพิจารณาจากราคาต่ำสุดในแต่ละแท่งเทียนยกตัวขึ้นในช่วงขาขึ้นหรือไม่ หรือราคาราคาสูงสุดในแต่ละแท่งเทียนลดต่ำลงในช่วงขาลงหรือไม่
เพื่อนๆนักลงทุนคงพอจะเห็นภาพของการใช้งาน “กราฟแท่งเทียน” กันแล้วนะครับ แต่สุดท้ายแล้วก็อยู่ที่การนำไปปรับใช้นะครับว่าสามารถจะนำไปวิเคราะห์ได้ดีแค่ไหน ถ้าเพื่อนๆ มีข้อส้งสัยหรือเทคนิคอย่างไรก็ลองถามกันเข้ามาได้นะครับ ^^
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น