"หุ้นปันผล
มันดียังไง"
ถ้าพูดถึงการเล่นหุ้น คนส่วนใหญ่คงคุ้นกับการซื้อขายบ่อยๆ
เล่นแบบเก็งกำไรรายวัน.. แต่อีกหนึ่งมุมที่น่าสนใจ ที่หลายคนอาจยังไม่รู้
คือการซื้อหุ้นเพื่อรับปันผลในระยะยาว.. วิธีนี้ดียังไง เริ่มต้นยังไง
และมีอะไรต้องระวังบ้าง.. มาเริ่มกันเลย..
1. บริษัทที่จ่ายปันผลมักเป็นบริษัทพื้นฐานดี
ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจกันก่อน ว่าปันผลที่เราได้รับจากการซื้อหุ้น มันมาจากไหน? ก็มาจากเงินสด กำไรและผลประกอบการที่บริษัทสามารถทำได้ในแต่ละปี.. ดังนั้นบริษัทที่สามารถจ่ายปันผลกลับมาให้ผู้ถือหุ้นได้ ต้องเป็นบริษัทที่มีสถานะทางการเงินที่ดีในระดับหนึ่ง เพราะบริษัทที่ขาดทุนคงจ่ายปันผลไม่ไหวแน่ๆ.. ยิ่งถ้าการจ่ายปันผลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และต่อเนื่องทุกปี โดยมากจะเป็นบริษัทใหญ่ที่มั่นคงและเติบโตเต็มที่... ซึ่งหุ้นของบริษัทกลุ่มนี้โดยมากจะมีความผันผวนทางราคาที่ต่ำกว่าหุ้นประเภทอื่นด้วย จึงมีความเสี่ยงที่ต่ำกว่า
ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจกันก่อน ว่าปันผลที่เราได้รับจากการซื้อหุ้น มันมาจากไหน? ก็มาจากเงินสด กำไรและผลประกอบการที่บริษัทสามารถทำได้ในแต่ละปี.. ดังนั้นบริษัทที่สามารถจ่ายปันผลกลับมาให้ผู้ถือหุ้นได้ ต้องเป็นบริษัทที่มีสถานะทางการเงินที่ดีในระดับหนึ่ง เพราะบริษัทที่ขาดทุนคงจ่ายปันผลไม่ไหวแน่ๆ.. ยิ่งถ้าการจ่ายปันผลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และต่อเนื่องทุกปี โดยมากจะเป็นบริษัทใหญ่ที่มั่นคงและเติบโตเต็มที่... ซึ่งหุ้นของบริษัทกลุ่มนี้โดยมากจะมีความผันผวนทางราคาที่ต่ำกว่าหุ้นประเภทอื่นด้วย จึงมีความเสี่ยงที่ต่ำกว่า
2. พอร์ตโตไวขึ้น ด้วย Reinvestment
อีกข้อได้เปรียบของการได้รับปันผล คือการที่เราสามารถนำปันผลมาลงทุนต่อโดยการซื้อหุ้นของบริษัทเดิมเพิ่ม เรียกว่า Reinvestment... ซึ่งวิธีนี้จะทำให้สร้างความมั่งคั่งในระยะยาวได้รวดเร็วยิ่งขึ้น.. เอาปันผลปีนี้ไปซื้อหุ้นเพิ่ม ถ้าปีหน้าปันผลโต ก็ยิ่งได้ปันผลมากขึ้นกว่าเดิม.. แบบนี้ไปเรื่อยๆ ผลตอบแทนจะโตแบบทวีคูณเหมือนดอกเบี้ยที่ทบต้น... ดังนั้นควรดูด้วยว่าบริษัทจ่ายปันผลปีละกี่หน ยิ่งจ่ายบ่อยก็ยิ่งทบต้นได้มากขึ้น
อีกข้อได้เปรียบของการได้รับปันผล คือการที่เราสามารถนำปันผลมาลงทุนต่อโดยการซื้อหุ้นของบริษัทเดิมเพิ่ม เรียกว่า Reinvestment... ซึ่งวิธีนี้จะทำให้สร้างความมั่งคั่งในระยะยาวได้รวดเร็วยิ่งขึ้น.. เอาปันผลปีนี้ไปซื้อหุ้นเพิ่ม ถ้าปีหน้าปันผลโต ก็ยิ่งได้ปันผลมากขึ้นกว่าเดิม.. แบบนี้ไปเรื่อยๆ ผลตอบแทนจะโตแบบทวีคูณเหมือนดอกเบี้ยที่ทบต้น... ดังนั้นควรดูด้วยว่าบริษัทจ่ายปันผลปีละกี่หน ยิ่งจ่ายบ่อยก็ยิ่งทบต้นได้มากขึ้น
3. หุ้นตก แต่ปันผลเพิ่ม
หลายครั้งที่ตลาดหุ้นอาจไม่เป็นใจ อยู่ในสภาวะที่ไม่ปกติหรือมีความผันผวนสูง.. การเลือกซื้อหุ้นปันผลทำให้ลงทุนได้อย่างสบายใจ เพราะหากเราได้ซื้อหุ้นในราคาที่เหมาะสม และคำนวณอัตราปันผลที่พอใจแล้ว ไม่ว่าหุ้นจะแกว่งหรือจะลงเราก็ยังได้รับปันผลที่สามารถนำมาลงทุนต่อได้ในอนาคต.. นอกจากนี้ราคากับปันผลวิ่งสวนกัน ถ้าหุ้นตกลงมามากๆ อัตราการปันผลจะเพิ่ม ทำให้เราสามารถหาจังหวะซื้อหุ้นเพิ่มได้... เมื่อตลาดกลับมาเป็นปกติ ราคาของหุ้นก็จะกลับขึ้นมาตามมูลค่าและคุณภาพของธุรกิจที่เราได้ลงทุนไป... ลงทุนแบบเน้นปันผลจึงเครียดน้อยกว่า และได้กำไรทั้งสองทาง
หลายครั้งที่ตลาดหุ้นอาจไม่เป็นใจ อยู่ในสภาวะที่ไม่ปกติหรือมีความผันผวนสูง.. การเลือกซื้อหุ้นปันผลทำให้ลงทุนได้อย่างสบายใจ เพราะหากเราได้ซื้อหุ้นในราคาที่เหมาะสม และคำนวณอัตราปันผลที่พอใจแล้ว ไม่ว่าหุ้นจะแกว่งหรือจะลงเราก็ยังได้รับปันผลที่สามารถนำมาลงทุนต่อได้ในอนาคต.. นอกจากนี้ราคากับปันผลวิ่งสวนกัน ถ้าหุ้นตกลงมามากๆ อัตราการปันผลจะเพิ่ม ทำให้เราสามารถหาจังหวะซื้อหุ้นเพิ่มได้... เมื่อตลาดกลับมาเป็นปกติ ราคาของหุ้นก็จะกลับขึ้นมาตามมูลค่าและคุณภาพของธุรกิจที่เราได้ลงทุนไป... ลงทุนแบบเน้นปันผลจึงเครียดน้อยกว่า และได้กำไรทั้งสองทาง
4. หุ้นปันผลสร้าง Passive Income
เป้าหมายสูงสุดของการลงทุนเน้นปันผลคือการเป็นเจ้ากิจการคุณภาพที่สามารถทำกำไรและจ่ายปันผลได้ต่อเนื่องทุกปี สร้างรายได้ที่เป็น Passive Income ให้เลี้ยงเราไปตลอด หรืออิสรภาพทางการเงินนั่นเอง... เมื่อได้ปันผลก็นำมาลงทุนต่อ พอร์ตและสินทรัพย์ก็โตขึ้น ปันผลก็เพิ่ม.. แบบนี้ถือกันยาวๆ "ไม่ต้องขายหุ้น"
เป้าหมายสูงสุดของการลงทุนเน้นปันผลคือการเป็นเจ้ากิจการคุณภาพที่สามารถทำกำไรและจ่ายปันผลได้ต่อเนื่องทุกปี สร้างรายได้ที่เป็น Passive Income ให้เลี้ยงเราไปตลอด หรืออิสรภาพทางการเงินนั่นเอง... เมื่อได้ปันผลก็นำมาลงทุนต่อ พอร์ตและสินทรัพย์ก็โตขึ้น ปันผลก็เพิ่ม.. แบบนี้ถือกันยาวๆ "ไม่ต้องขายหุ้น"
5. การเลือกหุ้นปันผล
ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยสุดสำหรับมือใหม่ในการเลือกหุ้นปันผล คือการดูอัตราการปันผลของปีล่าสุดเท่านั้น หรือย้อนหลังสั้นไป.. เช่นเห็นว่าหุ้นราคาปัจจุบัน 50 บาท ปันผล 5 บาท อัตราการปันผล (Dividend Yield) เท่ากับ 10% ก็รีบตัดสินใจซื้อ... กลายเป็นว่าปีถัดมาบริษัทไม่มีกำไร เลยหยุดจ่ายปันผล ราคาหุ้นก็ตกลงหนัก... ดังนั้นข้อควรระวังคืออย่าดูแค่ตัวเลข แต่ต้องมองคุณภาพกิจการให้ออกด้วย ตอบให้ได้ว่าภาพธุรกิจในอีก 5-10 ปีข้างหน้าจะยังดีอยู่ไหม จะมีการเติบโตไหม... จากนั้นค่อยมาดูตัวเลขการทำกำไรและการจ่ายปันผล เน้นดูที่ "ความต่อเนื่อง" และ "การเติบโต"... บริษัทที่ดีต้องมีประวัติการจ่ายปันผลอย่างสม่ำเสมอ ในปริมาณที่เพิ่มขึ้น เป็นระยะเวลายาวนาน.. และทางที่สำคัญเงินที่นำมาปันผลควรเป็นกำไรจากการดำเนินงานจริงๆ ไม่ใช่จากกำไรพิเศษครั้งๆคราวๆ
ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยสุดสำหรับมือใหม่ในการเลือกหุ้นปันผล คือการดูอัตราการปันผลของปีล่าสุดเท่านั้น หรือย้อนหลังสั้นไป.. เช่นเห็นว่าหุ้นราคาปัจจุบัน 50 บาท ปันผล 5 บาท อัตราการปันผล (Dividend Yield) เท่ากับ 10% ก็รีบตัดสินใจซื้อ... กลายเป็นว่าปีถัดมาบริษัทไม่มีกำไร เลยหยุดจ่ายปันผล ราคาหุ้นก็ตกลงหนัก... ดังนั้นข้อควรระวังคืออย่าดูแค่ตัวเลข แต่ต้องมองคุณภาพกิจการให้ออกด้วย ตอบให้ได้ว่าภาพธุรกิจในอีก 5-10 ปีข้างหน้าจะยังดีอยู่ไหม จะมีการเติบโตไหม... จากนั้นค่อยมาดูตัวเลขการทำกำไรและการจ่ายปันผล เน้นดูที่ "ความต่อเนื่อง" และ "การเติบโต"... บริษัทที่ดีต้องมีประวัติการจ่ายปันผลอย่างสม่ำเสมอ ในปริมาณที่เพิ่มขึ้น เป็นระยะเวลายาวนาน.. และทางที่สำคัญเงินที่นำมาปันผลควรเป็นกำไรจากการดำเนินงานจริงๆ ไม่ใช่จากกำไรพิเศษครั้งๆคราวๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น